การใช้ยาให้ถูกต้องและปลอดภัย

Layer 10

ในชีวิตประจำวันของเรานั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า “ยา” เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตของเรา

แม้ยาสามารถใช้รักษาทำให้ผู้ป่วยหายป่วยและร่างกายรู้สึกดีขึ้นได้แต่สิ่งสำคัญคือ ยาทุกชนิดไม่ว่าจะได้มาจากการจ่ายยาของแพทย์ หรือยาที่หาซื้อเองตามร้านขายยาทั่วไปนั้นก็มีทั้งคุณประโยชน์ และอันตรายหากเราใช้ยาผิดประเภทหรือผิดวิธีเช่นกัน

หลักการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัย

1) ก่อนจะใช้ควรอ่านฉลากก่อนใช้ยาทุกครั้ง และปฎิบัติตตามอย่างเคร่งครัด

2) ใช้ยาให้ตรงกับโรค โดยปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ เพราะจะทำให้ไม่เป็นอันตราย

3) ใช้ยาให้ถูกวิธี เช่น ไม่แกะผงยาที่อยู่ในแคปซูลมาโรยแผล ยาชนิดที่ใช้ทาห้ามนำมารับประทาน เป็นต้น

4) ใช้ยาให้ถูกกับบุคคล ควรใช้ยาให้ถูกกับสภาพของบุคคลเพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น ยาที่ให้เด็กกินต้องมีปริมาณไม่เท่ากับผู้ใหญ่ ยาบางชนิดไม่ควรให้หญิงมีครรภ์กินเพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้

5) ใช้ยาให้ถูกขนาด ควรใช้ยาตามขนาดที่แพทย์หรือเภสัชกรกำหนดไว้ เพราะถ้าใช้เกินขนาดอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือถ้าใช้น้อยไปอาจจะทำให้การรักษาโรคไม่ได้ผลดี

6) ใช้ยาให้ถูกเวลา ยาแต่ละชนิดจะกำหนดระยะเวลาที่ใช้ไว้

PHOTO GALLERY

ข่าวสารและบทความ

เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

จะเตรียมความพร้อมอย่างไร? เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

เมื่อมีอายุมากขึ้นร่างกายย่อมเสื่อมสภาพลงไปตามวัย การดูแลสุขภาพร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลสุขภาพ ได้แก่
• รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
• ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
• ตรวจร่างกายประจำปีสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจร่างกายอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี
• ลดหรืองดการดื่มสุรา การสูบบุหรี่

นอกจากการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปแล้ว การกินอาหารเสริมสำหรับผู้สูงวัยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายอาจรับประทานอาหารได้น้อยลงจนทำให้ได้สารอาหารไม่ครบถ้วน การกินอาหารเสริมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้ (ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม)

เรื่องอารมณ์และจิตใจ
การฝึกจิตใจให้สงบ เบิกบาน มีสติอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างเข้มแข็ง เรียนรู้การบริหารความเครียด การให้ การปล่อยวาง และการรักผู้อื่นพร้อม ๆ กับการรักตัวเอง จะทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและห่างไกลจากโรคต่าง ๆ โรคทางด้านจิตใจที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เช่น ภาวะซึมเศร้า ซึ่งต้องคอยติดตามป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเหล่านี้

ออกบูธสมาคมร้านยาที่ ไบเทคบางนา 26/5/67

บริษัท ชินต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานประชุมสมาคมร้านขายยาในวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่ไบเทคบางนา

รู้หรือไม่? ผลไม้มีประโยชน์อย่างไร

นอกจากยาที่สามารถรักษาโรคภัยและอาการเจ็บป่วยของร่างกายแล้ว รู้หรือไม่? ผลไม้ที่รับประทานในชีวิตประจำวันก็มีทั้งวิตามินและแร่ธาติที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเราเช่นเดียวกันอีกด้วย ทั้งรับประทานง่าย และมีชาติหวานถูกปาก และหาซื้อง่ายตามท้องตลาดทั่วไป เราลองมาดูผลไม้บางส่วนดีกว่าว่ามีอะไรบ้างและแต่ละชนิดให้ประโยชน์อย่างไรกับร่างกายเราบ้าง

1.ส้ม ต้านทานการอักเสบ ป้องกันได้หลายโรค


ส้มที่มาพร้อมรสชาติหวานอมเปรี้ยว ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินซีจำนวนมาก และยังมีวิตามินชนิดอื่นๆ หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีเบต้าคาโรทีน เส้นใยอาหาร แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก และฟลาโวนอยด์ ฯลฯ จึงจะช่วยต้านทานการอักเสบ รักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ รักษาโรคลักปิดลักเปิด ช่วยล้างพิษ และป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้

2.แอปเปิ้ล ช่วยล้างพิษป้องกันมะเร็งลำไส้


แอปเปิ้ลไม่ว่าจะสีไหนต่างก็มีประโยชน์และรสชาติอร่อยหอมหวาน ให้ประโยชน์กับร่างกายทั้งในส่วนของเนื้อและเปลือกแอปเปิ้ล ยิ่งโดยเฉพาะในเปลือกแอปเปิ้ลก็มีสารฟลาโวนอยด์ปริมาณมาก โดยจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยดีท็อกซ์พิษออกจากลำไส้ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้นั่นเอง

3.ลูกพีช ช่วยปกป้องเซลล์ และบำรุงหัวใจ


ลูกพีชผลไม้หอมหวานแสนอร่อย เป็นแหล่งของวิตามินเอและวิตามินต่างๆ รวมไปถึงแร่ธาตุชนิดอื่นๆ จัดว่าเป็นผลไม้ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีเบต้าคริปโตแซนทินที่จะช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงกระเพาะอาหาร เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และช่วยเพิ่มพลังสมองให้รู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น

 

4.อะโวคาโดป้องกันโรคไข้หวัด ปกป้องร่างกายจากมลพิษ

อะโวคาโดมีทั้งวิตามินบีและวิตามินซีสูง กินแล้วจะช่วยป้องกันไข้หวัด โรคลักปิดลักเปิด โรคเหน็บชา ปากนกกระจอก และยังมีวิตามินอีสูง โดยจัดว่าเป็นผลไม้แห่งความงาม เพราะสามารถช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ บำรุงผิวพรรณ ปกป้องร่างกายจากมลภาวะ ลดบ่อเกิดของเซลล์มะเร็งและโรคหัวใจได้